สวัสดีครับฤกษ์งามยามดี วันนี้ได้มีโอกาสติดตามหัวหน้า วุชรินทร์ สกบ. 06 ไปดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ พื้นทาง สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตย์ เขตจตุจักร ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของเรา ศูนย์ก่อสร้างและบูรณะถนน 3 ส่วนก่อสร้างและบูรณะ 2 แผนงานวันที่ 19/02/2568 ที่เราได้วางไว้คือเบิกยางเป็นจำนวน 70 ตันในการปูวันนี้ ซึ่งอากาศวันนี้ไม่มีฝนแน่นอน ตอนนี้เราอยู่หน้าทางเข้า สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตย์ รถยางแอสฟัสท์ผสมร้อนมารออยู่แล้ว 7 คันปูยาวๆไปครับวันนี้

ปูยางแอสฟัสต์-สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตย์-20-02-2568
Asphalt Paver (รถปูยางมะตอย) คืออะไร?
Asphalt Paver หรือ รถปูยางมะตอย เป็นเครื่องจักรที่ใช้ในงานก่อสร้างถนน โดยทำหน้าที่ปูยางมะตอยลงบนพื้นผิวถนนให้เรียบเนียน ก่อนจะถูกบดอัดด้วยรถบดถนน (Road Roller) เพื่อให้ได้มาตรฐานและความแข็งแรงที่เหมาะสม

รถ Asphalt Paving Machines
1. ส่วนประกอบหลักของ Asphalt Paver
Asphalt Paver มีโครงสร้างหลักที่ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้
1.1 Hopper (ถังรับวัสดุ)
- ตั้งอยู่ด้านหน้าของเครื่องจักร ทำหน้าที่รับยางมะตอยจากรถบรรทุก
- ยางมะตอยที่ได้รับมักมีอุณหภูมิสูงประมาณ 130-160°C
- มีแผ่นสั่นสะเทือนช่วยป้องกันการเกาะตัวของวัสดุ
1.2 Conveyor (สายพานลำเลียง)
- ส่งวัสดุจาก Hopper ไปยังส่วน Screed
- มีลักษณะเป็นสายพานโลหะที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
- ควบคุมปริมาณวัสดุที่ถูกส่งออกเพื่อให้เกิดการปูที่สม่ำเสมอ
1.3 Auger (ใบกวนวัสดุ)
- ช่วยกระจายยางมะตอยให้กระจายตัวทั่ว Screed อย่างสม่ำเสมอ
- ป้องกันการเกิดช่องว่างหรือความหนาแน่นที่ไม่สม่ำเสมอ
1.4 Screed (แผงปรับระดับและอัดแน่น)
- ทำหน้าที่เกลี่ยยางมะตอยให้เรียบและควบคุมความกว้างของการปู
- มีระบบทำความร้อนเพื่อป้องกันการเกาะติดของวัสดุ
- สามารถปรับระดับความหนาของชั้นยางมะตอยได้ (ปกติ 2-10 ซม.)
1.5 ระบบขับเคลื่อน
- มีทั้ง แบบล้อยาง (Wheel Paver) และ แบบตีนตะขาบ (Tracked Paver)
- ระบบขับเคลื่อนที่ดีช่วยให้เครื่องเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ
2. ประเภทของ Asphalt Paver
Asphalt Paver สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
2.1 Wheel Paver (รถปูยางมะตอยแบบล้อยาง)
- ใช้ล้อยางแทนตีนตะขาบ ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้เร็ว
- เหมาะกับงานที่ต้องการความคล่องตัว เช่น การปูถนนในเขตเมือง
- ใช้งานได้ดีบนพื้นแข็งหรือถนนที่มีการบดอัดแน่น
2.2 Tracked Paver (รถปูยางมะตอยแบบตีนตะขาบ)
- ใช้ตีนตะขาบแทนล้อ ช่วยกระจายแรงกดให้สม่ำเสมอ
- เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ทางหลวง หรือรันเวย์สนามบิน
- ใช้งานได้ดีในพื้นที่ลาดชัน หรือพื้นที่ที่ต้องการการยึดเกาะที่ดี
3. ระบบควบคุมการปูยางมะตอย
3.1 ระบบการปรับระดับอัตโนมัติ (Automatic Grade Control)
- ใช้เซนเซอร์วัดระดับพื้นถนนและปรับ Screed อัตโนมัติ
- ป้องกันปัญหาถนนเป็นคลื่นหรือเกิดระดับที่ไม่สม่ำเสมอ
3.2 ระบบการควบคุมความลาดชัน (Slope Control System)
- ควบคุมองศาการลาดเอียงของพื้นผิวถนน
- ช่วยลดปัญหาน้ำขังบนถนน
3.3 ระบบการทำความร้อน Screed
- ใช้ไฟฟ้าหรือก๊าซเพื่อทำให้ Screed ร้อน ป้องกันการเกาะติดของยางมะตอย
- ช่วยให้การปูเรียบเนียนยิ่งขึ้น
4. กระบวนการทำงานของ Asphalt Paver
- การเติมวัสดุ – รถบรรทุกเทยางมะตอยลงใน Hopper ของ Paver
- การลำเลียง – Conveyor ส่งยางมะตอยไปยังส่วน Screed
- การกระจายวัสดุ – Auger กระจายวัสดุให้สม่ำเสมอ
- การปรับระดับและอัดแน่นเบื้องต้น – Screed ปรับระดับและอัดแน่น
- การบดอัดขั้นสุดท้าย – ใช้รถบดถนน (Road Roller) บดอัดให้แน่นขึ้น
5. ข้อดีของการใช้ Asphalt Paver
✅ ช่วยให้การปูพื้นถนนเรียบเนียนและได้มาตรฐาน
✅ ลดแรงงานคน และเพิ่มความเร็วในการทำงาน
✅ ควบคุมความหนาและระดับพื้นถนนได้อย่างแม่นยำ
✅ ลดโอกาสเกิดปัญหาผิวถนนเป็นคลื่นหรือเป็นหลุม
6. แบรนด์ยอดนิยมของ Asphalt Paver
ในตลาดมีหลายแบรนด์ที่ผลิต Asphalt Paver โดยแต่ละแบรนด์มีเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น
🔹 Vogele – แบรนด์ชั้นนำจากเยอรมนี ใช้เทคโนโลยีควบคุมระดับอัตโนมัติ
🔹 Caterpillar (CAT) – แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับงานหนัก
🔹 Dynapac – เน้นความแม่นยำในการปูและใช้งานง่าย
🔹 Bomag – มีระบบอัดแน่นและควบคุมความร้อน Screed ที่ดี
🔹 Sumitomo – แบรนด์ญี่ปุ่นที่มีความทนทานสูง
7. การดูแลรักษา Asphalt Paver
✅ ตรวจสอบและทำความสะอาด Hopper และ Conveyor เป็นประจำ
✅ เช็คระบบไฮดรอลิกและการทำงานของ Screed
✅ ตรวจสอบความร้อนของ Screed เพื่อให้สามารถปูยางมะตอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและน้ำมันไฮดรอลิกตามรอบระยะเวลาที่กำหนด
สรุป
Asphalt Paver เป็นเครื่องจักรที่สำคัญสำหรับงานปูพื้นถนน ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานแบบดั้งเดิม หากเลือกใช้เครื่องจักรที่เหมาะสมกับงาน พร้อมทั้งดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้มากขึ้น